หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2554

นางเมือง วีรสตรีแห่งลุ่มน้ำระมิงค์


              หลายคนอาจจะรู้จักวีรสตรีหลายคน เช่น  สมเด็จพระศรีสุริโยทัย  ท้าวเทพกษัตรี  ท้าวศรีสุนทร  แต่หลายคนไม่รู้ว่าแดนล้านนาก็มีวีรสตรีเหมือนกัน  เนื่องจากเรื่องราวในแดนท้องถิ่นยังไม่ได้ถูกเผยแพร่ให้คนทั่วไปได้อ่านได้ศึกษา     วีรสตรีที่ผมจะกล่าวถึงต่อไปนี้มีชื่อว่า นางเมือง  เป็นภรรยาของเจ้าหมื่นโลกนคร  แม่ทัพคนสำคัญของพระเจ้าแสนเมืองมา กษัตริย์แห่งนครพิงค์เชียงใหม่  เนื้อเรื่องมีอยู่ว่า

              ตอนนั้น พระเจ้าแสนเมืองมามีพระชนมายุเพียง ๑๔ พรรษา ก็ได้ขึ้นเถลิงราชสมบัติสืบสนองจากพระราชบิดาคือพญากือนา  ซึ่งเสด็จทิวงคตที่นครพิงค์เชียงใหม่  ทีนี้เจ้าท้าวมหาพรหม ผู้ครองนครเชียงราย ซึ่งมีศักดิ์เป็นพระอนุชาของ พระเจ้ากือนา ได้ทราบข่าวว่าพระเชษฐาถึงแก่ทิวงคตและพระราชบุตรได้สืบราชสมบัติก็ไม่ทรงพอพระทัย  จึงทรงจักแจงรี้พลฌยธาเป็นอันมากเพื่อจะมาแย่งชิงราชสมบัติจากพระเจ้าแสนเมืองมา   เจ้าท้าวมหาพรหมยกโยธาไปตั้งอยุ่ที่หนองพะชี  แล้วใช้ให้คนไปบอกแก่อัครมหาเสนาที่ชื่อ แสนผานอง  ว่าจะขอเข้าไปถวายบังคมพระบรมศพพระเจ้ากือนา  แสนผานองทราบระแคะระคายมาแล้วก็ตอบไปว่า จะได้จัดพิธีรับรองให้สมพระเกียรติยศแล้วท่านอัครเสนาแสนผานองก็จัดกำลังพลหมื่นหนึ่งขึ้นประจำการรักษาพระนคร  และจัดอีกกองหนึ่งตั้งไว้นอกเมือง ให้ตีฆ้องกลองโห่ร้องเอิกเกริกเป็นโกลาหล   ท้าวมหาพรหมรู้ทันเหมือนกันว่าเขาเตรียมรับมืออยู่ก็เลยถอยทัพลงไปทางใต้  กวาดเอาครัวชาวเวียงกุมกามไปด้วย มีผู้หญิง  เด็ก  แล้วก็ข้าวของเงินทองอีกบ้างยกเลยไปตั้งที่ริมน้ำแม่ขาน(เดี๋ยวนี้อยู่ในอำเภอจอมทอง)   แสนผานองก้ให้หมื่นโลกนครคุมทหารอยุ่รักษาเมือง  ตัวเองคุมพลเจ็ดพันยกตามไปต่อตีกับเจ้าท้าวมหาพรหม  ไปทันกันเวลาเที่ยงคืน ต่อสู้กัน  แสนผานองชนะได้ทรัพสินและผู้คนที่ท้าวมหาพรหมกวาดเอาไปได้คืนมา  แล้วยังได้ช้างม้าอาวุธและเชลยอีกมากมาย   ส่วนท้าวมหาพรหมและกองทัพก็ได้ถอยร่นไปยังแดนเฉลี่ยง(ชเลียง)   ไปพึ่งพระบรมไตรจักร์กรุงศรีอยุธยา   ทางฝ่ายแสนผานองก้เลิกทัพกลับคืนสู่นครเชียงใหม่  เรียกประชุมเสนามาตย์ทั้งหลายมาปรึกษากันว่าท้าวมหาพรหมหนีไปเมืองใต้ครั้งนี้ ดีร้ายคงจะนำกองทัพกรุงศรีอยุธยามาติดเมืองเป็นแน่พระศพพระเจ้ากือนาก็ยังไม่ได้จัดการประการใด  จำจะต้องจัดการเรื่องป้องกันบ้างเมืองเสียก่อนเมื่อตกลงกันแล้วก็ให้เจาะกำแพงเมืองด้านวัดพราหมณ์  แล้วเชิญพระศพพระเจ้ากือนาเข้ามาไว้ในเวียงแล้วก่อกำแพงที่พังให้ดีดังเก่า  เหตุที่ต้องอัญเชิญพระศพพระเจ้ากือนาเข้าเวียงก็เพราะ พระเจ้ากือนาเสด็จออกไปประทับอยู่นอกเวียงด้านเหนือ  แล้วทรงพระประชวรและทิวงคตที่วังนอกเมือง   เมื่ออัญเชิญพระศพเข้าเวียงเรียบร้อยแล้วก็แต่งป้อมคูประตูหอรบเป็นการใหญ่เพื่อเตรียมศึกกับอยุธยา
เมื่อตกแต่งบ้านเมือง  คอยรับการโจมตีเสร็จแล้ว เจ้าหมื่นโลกนครก็ยกรี้พลไปรักษาเมืองเขลางค์ไว้  เพราะเมืองเขลางค์เป็นเมืองหน้าด่าน  กองทัพที่จะยกขึ้นไปตีนครพิงค์ต้องผ่านเมืองเขลางค์ก่อน   เจ้าหมื่นโลกนครยกรี้พลไปสกัดกั้นกองทัพอยุธยาอยุ่ ๒ เดือนเจ้าท้าวมหาพรหมจึงได้นำกองทัพอยุธยาขึ้นมาทางนครเขลางค์  ทีนี้ภรรยาเจ้าหมื่นโลกนครก็ลุกขึ้นอาสาออกช่วยสามีรบกับฝ่ายเจ้าท้าวมหาพรหม ทั้งๆที่ยังมีครรภ์อ่อนๆ อยู่  เจ้าหมื่นโลกนครก็อนุญาติ  นางเมืองจึงได้แต่งตัวเป็นชายขึ้นทรงช้างอ้ายน้อยออกช่วยสามีเป็นสามารถทั้งสองฝ่ายได้ทำการสู้รบกันอย่างดุเดือด จนตำบลที่มีการต่อสู้กันนั้นเรียกว่าตำบลแสนสนุก(ปงสนุก)   จากนั้นกองทัพอยุธยาที่เจ้ามหาพรหมคุมมาต้องล่าถอยไปทางเมืองลี้(เขตลำพูน)และกลับไปยังอยุธยา   ตอนหลังนางเมืองได้คลอดบุตรเป็นชาย  เลยได้รับขนานนามว่าเจ้าหาญแต่ท้อง เพื่อเป็นการที่ระลึกต่อมาเจ้าหาญแต่ท้องได้เป็นเจ้าเมืองเขลางค์มีพระนามที่รู้จักในประวัติศาสตร์ว่า เจ้าหมื่นด้งนคร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น