หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2554

เจ้าพ่อพะวอ นายด่านแม่ละเมายอดนักรบชาวกะเหรี่ยง


ศาลเจ้าพ่อพะวอ ตั้งอยู่บนเนินเชิงเขาพะวอ 

บนถนนสายตาก - แม่สอด บริเวณหลักกิโลเมตร
ที่ ๖๒-๖๓ ศาลนี้เป็นที่เคารพนับถือของ
ชาวเมืองตากและชาวอำเภอแม่สอดเป็นอย่างมาก




                 ท่านเจ้าพ่อพะวอ  เป็นชายชาตินักรบชาวกะเหรี่ยงปะกากะญอ  มีศักดิ์ฐานะเป็นนายด่านแม่ละเมา เมืองหน้าด่านของไทยในรัชสมัยของ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช  คอยดูแลรักษาหาข่าวแจ้งเหตุ  เมื่อมีเหตุหรือข้าศึกศัตรูรุกล้ำแดนมา จากบุคลิกภาพของท่านแสดงถึงเอกลักษณ์ของนักรบโบราณ  เรือนกายกำยำสูงใหญ่  ถือง้าวเป็นอาวุธ  ใบหน้าเครียดขึงขังดุดัน  แต่แววตาแฝงด้วยความเมตตาปรานี
                 พะวอ  เป็นชื่อของชนชาติกะเหรี่ยง คำนำหน้าว่า พะ ก็คือ นาย คำว่า วอ อาจจะแผลงมาจาก วา แปลว่า ขาว หรือ นายขาว พะวา อาจจะเพี้ยนเสียงมาเป็น พะวอ ก็ได้ ส่วนคำว่า  พะวอฮ์  ออกเสียง  วอ  อยู่ในลำคอ  พาวอฮ์  ก็คือ  นายแดง  นั่นเอง  (คำนี้เป็นข้อมูลใหม่  ที่ชาวเผล่อ  และชาวปกากะญอเสนอแนะมา) 

        ส่วนขุนเขา  ผาวอ  ที่อาจจะเพี้ยนเสียงมาเป็น  พะวอ  ก็ได้เหมือนกัน  ผาวอ  เป็นขุนเขาที่ตั้งของด่านแม่ละเมา  เป็นขุนเขาที่มีรูโหว่เป็นโพลงถ้ำ  อาจจะเรียก  ผาโหว่  ก็ได้  ชาวกะเหรี่ยงซึ่งเป็นเจ้าถิ่นเดิมแห่งนี้  อาจจะเรียกว่า  พาวอ  หรือ  พะวอได้เหมือนกัน 
ตำนานเมืองเหนือ  กล่าวถึงวีรบุรุษชาตินักรบปกากะญอนี้ว่า  ป้อเจ้าหลวงผาวอ 



    

                 ต้นปีมะแมสัปตศก ปีพุทธศักราช ๒๓๑๘ ขณะที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงประทับอยู่ที่เมืองหลวง ทรงทราบว่า ด่านแม่ละเมาสามารถจับตัวนายครัวมอญที่แตกหนีพม่าจากเมืองเมาะตะมะ  เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร  ทำให้พระองค์ทรงทราบว่าอะแซหวุ่นกี้    แม่ทัพแห่งกรุงอังวะ  อาจจะยกทัพใหญ่เพื่อติดตามครัวมอญเข้ามาตีไทยอย่างแน่นอน  และทรงเชื่อว่าอะแซหวุ่นกี้ตระเตรียมทัพใหญ่ต้องเข้ามาตีทางหัวเมืองฝ่ายเหนือเพื่อตัดกำลังของไทย ก็มิได้นิ่งนอนพระทัย ดำรัสสั่งเกณฑ์กองทัพทั้งทางบก และทางเรือสรรพด้วยช้างม้า เครื่องสรรพ-วุธพร้อมเสร็จ  พลฉกรรจ์ลำเครื่อง ทั้งไทยจีนจำนวนมาก โปรดเกล้าฯให้เจ้าพระยาจักรี และเจ้าพระยาสุรสีห์ พร้อมขุนศึกนายกองมือฉกาจ ขึ้นไปสืบราชการศึกป้องกันหัวเมืองหน้าด่านที่สำคัญเอาไว้  สั่งกรมพลาเรื่องอาหารการกินให้สมบูรณ์  อย่าให้มีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง

               ลุเดือน ๑๑ ปีมะแมสัปตศก ปีพุทธศักราช ๑๓๑๘ ครานั้น.. อะแซหวุ่นกี้ซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์ของพระเจ้าอังวะ  ได้เคลื่อนทัพมายังไทยโดยจัดเป็นทัพใหญ่ทัพเดียว มีมังแยยางูผู้น้อง กับ    กละโบ่ ปันยีแยช่องจ่อ ปันยีจวง ถือพลสองหมื่นห้าคุมทัพหน้า ตะแดงมอระหน่อง และเจ้าเมืองตองอูเป็นทัพกลาง  อะแซหวุ่นกี้เป็นโบชุกแม่ทัพหลวง ถือพลหมื่นห้าพันคนรั้งท้าย  สรรพด้วยช้างม้าเครื่องสรรพวุธพร้อมเสร็จ  เคลื่อนทัพจากเมืองเมาะตะมะข้ามแม่น้ำต่องยินแล้วหยุดทัพไว้ที่นั่น  การเคลื่อนทัพของพม่าอยู่ในสายตาของทหารไทยบนยอดเขาผาวอ  ที่อยู่เหนือด่านแม่ละเมาตลอดเวลา  ท่านเจ้าพ่อพะวอจึงให้ม้าเร็วนำข่าวไปแจ้งยังเมืองตาก เมืองระแหง เมืองกำแพงเพชร และเมืองอื่น ๆ ตามรายทางเพื่อรวบรวมกำลังไว้ตีต้านพม่า  แต่ท่านเจ้าพ่อพะวอ และไพร่พลผู้กล้าหาญทั้งหลายหารู้ไม่ว่า เมืองต่าง ๆ เห็นว่าพม่ายกทัพมาครั้งนี้มีแสนยานุภาพอันยิ่งใหญ่เหลือกำลังที่จะตีต้านได้  ต่างอพยพครอบครัวหนีไป  แล้วส่งหนังสือบอกไปถึงทัพของเจ้าพระยาจักรีและเจ้าพระยาสุรสีห์ ให้แจ้งไปยังกรุงธนบุรีกราบทูลพระกรุณาให้ทรงทราบ
               ลุถึงปลายเดือนสิบเอ็ด ปีมะแมสัปตศก พุทธศักราช ๒๓๑๘ (๓๑ ตุลาคม) ครานั้นกองทัพอันเกรียงไกรของพม่า เคลื่อนทัพมาถึงด่านแม่ละเมาในเพลานั้น เจ้าพ่อพะวอตัดสินใจนำกำลังที่มีอยู่เข้าปะทะกับข้าศึกอย่างกล้าหาญเด็ดเดี่ยว เป็นการขัดตาทัพและประวิงเวลา  รอกำลังส่วนหนึ่งจากเมืองตากที่ท่านเจ้าพ่อพะวอเข้าใจว่าจะมาช่วยเหลือทัน นายด่านพะวอและทหารกล้าทั้งหลาย  ได้เข้าต่อสู้กับพม่าด้วยน้ำใจที่ห้าวหาญ และแล้วน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟฉันใด ท่านรู้ดีว่ากำลังของพม่านั้นเหลือคนานับ  ท่านรู้ได้ดีว่ากำลังส่วนหนึ่งที่เข้าใจว่าจะมาช่วย คงช่วยไม่ทันศึกครานี้เป็นแน่  จักต้องสู้เพื่อศักดิ์ศรีของคนไทย  ขอถวายชีวิตเป็นชาติพลี  จักได้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ลูกหลานสืบไป ท่านและทหารกล้าได้ต่อสู้กับพม่าอย่างกล้าหาญเด็ดเดี่ยว ทุกคนยอมตายถวายชีวิตไม่ยอมหลบหนีศัตรูแม้แต่ก้าวเดียว ทุกท่านถึงแก่ชีวิต  ณ ยุทธภูมิด่านแม่ละเมา  เชิงเขาผาวอแห่งนี้
                    เรื่องราวและหลักฐานต่าง ๆ เป็นตำนานเล่าขานของผู้เฒ่าผู้แก่มาหลายชั่วคน  ถึงวีรกรรมของนายด่านพะวอที่ปักหลักสู้กับพม่าอย่างยิบตา  ที่กองทัพพม่ากรีธาทัพหลวงเป็นครั้งสุดท้ายผ่านด่านแม่ละเมา ไปยังเมืองตาก  เป็นเครื่องยืนยันให้เห็นว่า ท่านและผู้กล้าทั้งหลาย คือวีรบุรุษผู้กล้าหาญ  ผู้มีความเสียสละชีพเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินอันเป็นมรดก ที่บุรพชนชาติไทยได้สละชีวิตปกป้องอย่างหวงแหนสืบทอดกันมาจนถึงยุคสมัยของท่าน ท่านเจ้าพ่อพะวอ  และผู้กล้าหาญทั้งหลาย แม้ว่าจะมิได้มีชื่อในพระราชพงศาวดาร แม้จะมิได้รับราชการสนองพระเดชพระคุณ ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช อย่างใกล้ชิด แต่ถือได้ว่า ท่านเป็นข้าแผ่นดินโดยตรงที่รับราชการเป็นผู้รักษาประตูเมืองด่านแรกของไทย  แม้จะเป็นซีกเสี้ยวส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์บอกเล่าของท้องถิ่นถึงการรุกรานของข้าศึกศัตรูผ่านด่าน ผ่านหมู่-บ้านเป็นที่ตั้งกองสอดแนมเพียงกระหยิบมือเพียงชั่วครูชั่วยามก็ตามที แต่นั่นคือที่มาของเกียรติประวัติของผู้กล้าหาญทั้งหลายที่ถูกเล่าขานกันต่อ ๆ มา  ที่สมควรแก่การยกย่องและเคารพเทิดทูนวีรกรรมของท่าน


           ความศักดิ์สิทธิ์และอำนาจบารมีของท่าน  ผู้คนจากทุกสารทิศต่างหลั่งไหล  แวะเวียนมากราบไหว้บูชามิได้ขาด  กล่าวกันว่าท่านเจ้าพ่อพะวอ  สามารถดลบันดาลความสุข  ความสำเร็จ  ความนิรันตรายทั้งปวงได้อย่างปาฏิหาริย์  และอัศจรรย์ที่สุด 
            มีเรื่องเล่าว่า  ในสมัยที่บ้านเมืองยังไม่พัฒนาและเจริญเหมือนทุกวันนี้  หากมีเหตุอันตราย  หรือ  มีภัยพิบัติกับราษฎรแถบถิ่นนี้  มักจะได้ยินเสียงแผดคำรามของ  อาม๊อก  หรือที่ชาวบ้านเชื่อว่าเป็น  ปืนหิน  ที่อยู่บนชะง่อนผาขุนเขาผาวอเป็นอัศจรรย์  ทำนองเดียวกันของวันนั้นในยามค่ำคืน  จะได้ยินเสียงฝีเท้าม้าวิ่งรอบ ๆ  ตัวเมืองและหมู่บ้านต่าง ๆ  ผสานกับเสียงพรวนที่ผูกติดด้วย 




                  รูปจำลองของท่านเจ้าพ่อพะวอ  บ่งบอกถึงลักษณะของชายชาตินักรบ  ชุดแต่งกายที่สมเกียรติศักดิ์ศรี  จากบุคลิกภาพของท่าน  แสดงถึงเอกลักษณ์ของนักรบโบราณ  ใบหน้าเครียดขึงขังดุดัน  เรือนกายกำยำสูงใหญ่  ถือง้าวเป็นอาวุธคู่กาย  แต่แววตาแฝงด้วยความเมตตาปรานี 

       

                 ด้วยเหตุที่ท่านเป็นนักรบโบราณ  จึงชอบเสียงปืนและประทัดมาก  จึงมีผู้ยิงปืนและจุดประทัดถวายทุกครั้ง  หรือไม่ก็จะบีบแตร  แสดงความคารวะเมื่อสัญจรผ่านไปมา 
         ชาวบ้านเล่ากันมาว่า พอถึงฤดูฝนที่นี่จะได้ยินเสียงอาม๊อก (เสียงปืนใหญ่) เสียงนี้จะดังลั่นสนั่นไปทั่วทั้งเมืองและหุบเขา เชื่อกันว่าเป็นการเตือน

จากเจ้าพ่อพะวอว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าเป็นต้นฝนก็หมายความว่า ลงพืชไร่ได้ แต่ถ้าเป็นฤดูแล้ง หมายความว่า จะเกิดอาเพศ
          แม้ว่าท่านจะล่วงลับไปนานกว่าสองร้อยปี  แต่วีรกรรมอันห้าวหาญของท่าน  เป็นการประกาศศักดิ์ศรี  ให้อนุชนทั่วไปได้รับรู้  และจะเป็นตำนานเล่าขานสืบต่อไปยังอนุชนรุ่นหลัง  ให้ยึดถือเป็นแบบอย่าง  สักขีพยานที่บ่งบอกถึงความศรัทธาอย่างแรงกล้า  ของอนุชนทั่วไป  ก็คือ  ความเคารพศรัทธาอย่างแนบแน่น  ที่ไม่มีวันเสื่อมคลายนั่นเอง





28 ความคิดเห็น:

  1. สุดยอด พอๆกับชาวบ้านบางระจัน...แต่ผู้คนรู้จักน้อยจัง....
    ในยุคบ้านเมืองแตกแยก...น่าจะเอาพระวอเป็นตัวอย่าง
    ของการรักชาติ......นับถือวีรชนผู้กล้าจริงๆ
    ...........................ทรงพร

    ตอบลบ
  2. น่าจะเอาไปสร้างหนัง...ทุนสร้างสูงๆ...
    คงสร้างรายได้มหาศาลแน่นอน

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ23 เมษายน 2555 เวลา 19:41

    ผมคนแม่สอด ลูกพ่อหลวงพะวอ ยังมีอะไรบางสิ่งบางอย่างที่ยังอธิบายไม่ได้ เกี่ยว กับเขาพะวอ ชีวิตนี้เพื่อ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ (ทหารพราน 35)

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ23 กรกฎาคม 2555 เวลา 07:48

    ภูมิใจครับ ที่ชาวกะเหรี่ยงเป็นส่วนหนึ่ง ที่ช่วยพิทักษ์ ชาติไทยไว้

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ31 กรกฎาคม 2555 เวลา 05:52

    ขอบคุณ สำหรับข้อมูลค่ะ

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ12 กันยายน 2555 เวลา 06:07

    หลวงพ่าโหว่หรือหลวงพระยาแดง เป็นชาวกะเหรี่ยงโผล่ไม่ใช่กะเหรี่ยงปากาเกอญอจากข้อมูลชาวกะเหรี่ยงแดนตะวันตก บ้านเสน่ห์พ่อง

    ตอบลบ
  7. ไม่ระบุชื่อ17 ตุลาคม 2555 เวลา 19:26

    เจ้าพ่อพะวอศักสิทมากครับ เจอมากับตัวเอง2ครั้ง เล่าเรื่องหนึ่งก็คือก่อนทีผมจะย้ายบ้านจากแม่สอด มาอยู่กรุงเทพผมได้ไปไหว้ท่านแล้วเสี่ยงทายด้วยเซียมซี ถามท่านเรื่องว่าทางที่ไปจะเป็นยังไงบ้าง ครั้งที่1..แล้วกลับบ้านแล้วแวะไปอีกสองครั้งก่อนจะย้ายมากรุงเทพ ทั้งหมดแวะไปไหว้และถามเรื่องเดิม3ครั้ง ได้เซียมซีใบเดิม ทั้งสามครั้ง
    เรื่องที่เล่านี้เป็นเรื่องที่สอง หลังจากที่เจอกับอีกเหตุการก่อนเรื่องนี้ ที่ทำให้ผมและเพื่อนๆได้รู้ถึงความศักสิทของเจ้าพ่อพะวอที่คนผู้ใหญ่เขาพูดกันว่าศักสิทมากนั้นว่าเป็นเรื่องจริง ของจริง

    ตอบลบ
  8. ผมนับถือบูชาป่อหลวงพะวอมาตลอด33ปีแล้วครับทุกปีต้องกลับไปกราบและแก้บนประจำปีทุกปีเพราะว่าผมเป็นลูกหลานคนอุ้มผาง จ.ตาก ป่อหลวงศักดิ์สิทธิมากๆครับ

    ตอบลบ
  9. ไม่ระบุชื่อ18 มกราคม 2556 เวลา 03:40

    ก็รู้สึกภาคภูมิใจที่่ท่านมีความกล้าหาญสู้เพื่อคนส่วนรวมเพื่อชาติบ้านเมืองไม่เห็นแก่ตัวสมเป็นชาตินักรบ เป็นตัวอย่างที่ดีของชนรุ่นหลัง เราควรเอาเยี่ยงอย่างท่านเจ้าพ่อในยามที่บ้านเมืองวิกฤติเช่นนี้เราไม่ควรมาทะเลาะกันแย่งชิงดีชิงเด่น เราควรหาทางช่วยชาติบ้านเมืองให้กลับมาสงบสุขไม่ดีกว่าหรือ เราควรสามัคคีกันไว้เราไม่ควรเป็นศัตรูต่อกันไม่งั้นบ้านเมืองก็ไม่มีวันสงบสุขได้หรอก โปรดจำไว้ว่าสามัคคีคือพลัง.........

    ตอบลบ
  10. ไม่ระบุชื่อ22 มกราคม 2556 เวลา 22:54

    ภูมใจที่ืได้เกิคมาเป็นลูกหลายคนไทยสักวันหนูจะไปกราบไหว้บูชาเจ้าพ่อพะวอหรือผาวอขอบคณุค่ะที่ได้รู้เรื่องดีๆแบบนี้

    ตอบลบ
  11. ผมเป็นศิษย์ท่าน เชื่อว่าวิญญาณมีอยู่จริงท่านยังไม่ไปเกิดหรอกมีคนบอกว่าท่านเป็นเจ้าแห่งผี

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เหลวไหล

      ลบ
    2. ไม่ระบุชื่อ3 มีนาคม 2559 เวลา 17:16

      ท่านคือวีรบุรุษ สมควรทร่ชนรุ่นหลังใด้รับรู้ประวัติของท่าน

      ลบ
  12. ไม่ระบุชื่อ15 เมษายน 2556 เวลา 21:40

    เพิ่งไปสักการะท่านมาเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2556 ศรัทธาท่านมากๆ ทุกครั้งที่กลับบ้านที่แม่สอด จะขอพรจากท่านทุกครั้ง เคยถ่ายรูปท่านโดยไม่ได้ขออนุญาต..ถ่ายรูปไม่ติดเลย แต่พอขออนุญาตท่าน ได้รูปที่สง่างามมากเลย...ศรัทธาท่าน

    ตอบลบ
  13. ไม่ระบุชื่อ14 พฤษภาคม 2556 เวลา 18:04

    เราเปนลกหลานเจาพอพะวอเลาตำนานใหแฟนฟงถงกบขนลกนำตาซม(คนเลา) แลวกลบบานทกครงแวะไปขอพร สวนแฟนขอพรเสรจจดประทด 1000 นดตลอด ศรทธามาก เสยงเซยมซเพงถกหวย 2 ตว งวดทแลว และงวดนไดรางวลใหญแนนอน สวนพชายกำลงจะเรมตนธรกจใหม ถวายดวยกลวยหอมทอง

    ตอบลบ
  14. ไม่ระบุชื่อ10 กรกฎาคม 2556 เวลา 18:40

    ลูกได้ไปกราบท่ารเจ้าพ่อพะวอ ...และได้ขอบางสิ่งบางอย่างกับท่าน ...และก็สมความปราถนา....ลูกขอกราบขอบพระคุณ..เจ้าพ่อพะวอ..ที่ให้ความเมตตากรุณากับครอบครัวของลูก....ทำให้ครอบครัวของลูกดีขึ้น...ลูกกราบขอบพระคุณท่านอย่างที่สุด.....วันหยุด เสาร์ -อาฑิตย์ ที่ 13 หรือ 14 กรกฏาคม 2556 นี้ ลูกและครอบครัวจะไปกราบขอพรท่าน อีกค่ะ ...คิดถึงท่านเจ้าพ่อพะวอ..เพราะไม่ได้ไปมาเป็นเวลา 1 เดือนแล้ว

    ตอบลบ
  15. ไม่ระบุชื่อ19 กันยายน 2556 เวลา 16:09

    น่านับถือมากเลยครับ

    ตอบลบ
  16. ไม่ระบุชื่อ19 กันยายน 2556 เวลา 16:22

    ผมเองก็เป็นแม่สอด ลูกพะวอเหมือนกันครับ เป็นชาวกะเหรี่ยง เท่าที่ผมรู้ประวัติของท่าน จากการเล่าต่อๆกันมาจากรุ่นปู่รุ่นทวดว่า ท่านไม่ได้ตายในสนามรบแน่นอนครับ แต่ท่านตายยังไงนั้น อันนี้ผมก็ยังเล่าไม่ได้เหมือนกัน ที่แน่ๆท่านเป็นชาวกะเหรี่ยงโผล่วครับ ไม่ไช่ปกากะญอ ท่านเป็นนักรบที่น่านับถือและน่าเอามาเป็นแบบอย่าง อย่างมากครับ พอแค่นี้ก่อนครับ หวัดดีครับ..

    ตอบลบ
  17. ไม่ระบุชื่อ12 ตุลาคม 2556 เวลา 07:41

    แถวแม่สอดดั้งเดิมมีกะเหรี่ยงโผล่วด้วยหรอ ตอนนี้มีแต่ปะกากะญอนะ แล้วกะเหรี่ยงโผล่วไปไหนกัน

    ตอบลบ
  18. ไม่ระบุชื่อ30 เมษายน 2557 เวลา 19:05

    ผมไปกราบท่านมาแล้วครับ11-1-57 ทางไปกลับเสียวม๊าก ท่าใครไปขับรถดีนะครับชิดขวาไว้...จาก(คนกำแพงเพชร)

    ตอบลบ
  19. ถ้ามีโอกาส อยากไปกราบท่านครับ

    ตอบลบ
  20. ท่านพ่อศักดิ์สิทธิ์มากๆครับผม

    ตอบลบ
  21. ท่านพ่อศักดิ์สิทธิ์มากๆครับผม

    ตอบลบ
  22. ท่านพ่อศักดิ์สิทธิ์มากๆครับผม

    ตอบลบ
  23. ขอกราบสักการะแทบเท้าท่านพ่อพระวอลูก ขอให้พ่อพระวอ คุ้มครอง การเดินทางขึ้นเขาแม่สอด. และที่อื่นๆๆๆให้ปลอดภัย ทุกตารางกิโลเมตรด้วย

    ตอบลบ
  24. ไม่ระบุชื่อ4 มีนาคม 2559 เวลา 19:18

    ผมก็เป็นอีกคนที่เป็นลูกหลานป้อหลวงพะวอ....ท่านศักดิ์สิทธิมากๆๆครับ...เคยบนบานศาลกล่าวก็ได้ดังที่ขอไว้....อ่อที่สำคัญอย่าลืมแก้บนกันนะครับ....ผีมีสัจจะคนก็ต้องมีสัจจะด้วยนะครับ....ขอเตือน...จากคนชายขอบ..

    ตอบลบ
  25. ผมเป็นคนกระบี่คับ แต่มีวาสนาไปสักการะหรือไม่ก้อแสดงความเคารพท่านพ่อหลวงพะวอทุกปี
    เพราะภรรยาผมอยู่แม่ละเมาเลยคับและศรัทธาท่านมากๆๆเลย คงไม่ต้องอธิบายเยอะน่ะคับ แม่ยายผมหั้ยรูปหล่อพ่อหลวงพะวอมาบูชา1องค์ อ่านและฟังประวัติจากผู้เฒ่าด้วยหูผมเองรู้สึกทึ่งมากๆคับ
    ขนาดท่านเป็นชาวกะเหรี่ยงยังรักประเทศไทนขนาดนี้แล้วเราเป็นคนไทยแท้ๆน่าหันกลับมามอง
    และประบใช้หั้ยเกิดประโยชน์แก่บ้านเมืองมากๆคับ

    ตอบลบ
  26. เพราะว่าพ่อพระวอที่ลูกได้กล่าวขอชีวิตและภรรยาบอกพ่อพระวอช่วยชีวิตลูกกลับมาด้วย เหมือนผมตายแล้วเกิดใหม่ เขาส่งผมกลับมาหายใจได้ฟื้นขึ้นมาจากการช็อกหมดสติ พ่อพระวอท่านช่วยทุกชีวิตจริงๆ ลูกได้ไปแก้บนตามที่ได้บอกพ่อไว้แล้ว28/9/63

    ตอบลบ