พระญาผายูทรงเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่
๕ แห่งราชวงศ์มังราย หรือในหนังสือชินกาลมาลี ปกรณ์ เรียกพระองค์ว่า
พระเจ้าตายุมหาราช ทรงเป็นพระราชโอรสของพระญาคำฟู ทรงครองราชย์สมบัติในปี พ.ศ.๑๘๗๙
ในยุคนี้นครเชียงใหม่มีสภาพเป็นราชธานีอีกครั้งหนึ่ง เพราะพระญาผายูไม่โปรดที่จะปกครองเมืองเชียงแสนเช่นเดียวกับพระบิดา
เหตุที่ทรงย้ายที่ประทับลงมายังเมืองเชียงใหม่
อาจเป็นเพราะเขตทางตอนบนมีความมั่นคง
โดยสามารถสร้างเมืองเชียงแสนเป็นปราการป้องกันศึกฮ่อได้อย่างเข้มแข็ง
และสามารถผนวกพะเยาได้ ขณะเดียวกั้นพระญาผายูทรงสร้างความสัมพันธ์ทางเครือญาติกับเมืองเชียงของในเขตลุ่มน้ำกก โดยการอภิเษกกับพระนางจิตราเทวี
ราชธิดาของเจ้าเมืองเชียงของ
วัดพระสิงห์วรมหาวิหารที่พระญาผายูทรงสร้างขึ้นในปี ๑๘๘๘ เพื่อบรรจุพระบรมอัฐิ ของพระญาคำฟู พระราชบิดา |
พ.ศ.๑๘๘๘
พระญาผายู
ทรงโปรดให้สร้างวัดขึ้นบริเวณ ‘’กาดลีเชียง’’ หรือ
‘’ตลาดลีเชียง’’ พร้อมกับสร้างพระเจดีย์สูง
๒๔ วา เพื่อบรรจุพระอัฐิของ พระญาคำฟู ผู้เป็นพระราชบิดา
วัดนี้เรียกว่า วัดลีเชียงพระ หรือ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ในปัจจุบัน ให้เป็นวัดสำคัญของเชียงใหม่
พระญาผายูทรงเป็นกษัตริย์ที่ทรงอยู่ในทศพิธราชธรรม บ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุข การพระศาสนาเจริญรุ่งเรือง พระองค์ทรงครองราชย์สมบัติ ณ เมืองเชียงใหม่ได้ ๒๘ พรรษา ลุปีมะเมีย พ.ศ.๑๘๙๘ (จุลศักราช ๗๒๙) พระชนมายุได้ ๕๗ พรรษาก็เสด็จสวรรคต เสนาอำมาตย์จึงพร้อมใจกันไปอัญเชิญเอาท้าวกือนาหรือพ่อท้าวตื้อนา พระราชโอรสซึ่งไปครองเมืองเชียงแสนมาเป็นกษัตริย์สืบสันติวงศ์สืบต่อมา
พระญาผายูทรงเป็นกษัตริย์ที่ทรงอยู่ในทศพิธราชธรรม บ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุข การพระศาสนาเจริญรุ่งเรือง พระองค์ทรงครองราชย์สมบัติ ณ เมืองเชียงใหม่ได้ ๒๘ พรรษา ลุปีมะเมีย พ.ศ.๑๘๙๘ (จุลศักราช ๗๒๙) พระชนมายุได้ ๕๗ พรรษาก็เสด็จสวรรคต เสนาอำมาตย์จึงพร้อมใจกันไปอัญเชิญเอาท้าวกือนาหรือพ่อท้าวตื้อนา พระราชโอรสซึ่งไปครองเมืองเชียงแสนมาเป็นกษัตริย์สืบสันติวงศ์สืบต่อมา
ความงดงามของพญานาคภายในวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร |
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก
-http://www.kammatan.com (วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร
จ.เชียงใหม่:golfreeze)