พระเจดีย์หลวงยอดเต็มเป็นวัดที่หมื่นด้ำพร้าคต เป็นผู้อำนวยการปฏิสังขรณ์กุฏิมหาธาตุ หรือเจดีย์ลักษณะบุราคม คือเจดีย์หลวงในกลางเวียงเมืองเชียงใหม่
หมื่นด้ำพร้าคตผู้นี้ปรากฏในตำนานต่างๆกันดังนี้ ตำนานโยนกเรียกว่า หมื่นด้ำพร้าคต ชินกาลมาลินีปกรณ์ว่า สีหโคตรเสนาบดี ตำนานพระธาตุวัดเจดีย์หลวงว่า หมื่นด้ำสีหโคตร ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ว่า หมื่นด้ำพร้าคต ท่านผู้นี้เป็นนายช่างเอกที่พระเจ้าติโลกราชโปรดให้เป็นนายช่างเอกอำนวยการสร้างเจดีย์องค์ใหญ่กลางเวียงเชียงใหม่ คือเจดีย์หลวง หรือมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า โชติการาม ซึ่งเป็นงานชิ้นสำคัญที่ท่านผู้นี้ได้ฝากไว้ในโลกา จนปรากฏอยู่จนทุกวันนี้
ประวัติเดิมของหมื่นด้ำพร้าคตนี้ ในพงศาวดารหรือตำนานพื้นเมืองฉบับของอาจารย์ไกรศรี นิมมานเหมินท์ กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า ในสมัยยังเยาว์วัยเป็นพระสหายของพระเจ้าติโลกราช ถึงกับทรงตรัสไว้เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ว่า “หากกูเป็นใหญ่ กูจักตั้งมึงให้เป็นเสนา” และเมื่อพระองค์ได้เสวยราชสมบัติครองเมืองเชียงใหม่ ก็ทรงแต่งตั้งให้หมื่นด้ำพร้าคตเป็นเสนาบดี สมดังที่ตรัสไว้
หมื่นด้ำพร้าคต เป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งที่มีส่วนช่วยเหลือพระเจ้าติโลกราช ในการสร้างความเป็นปึกแผ่นทางพุทธศาสนาให้แก่ล้านนา เช่นเดียวกับหมื่นโลกสามล้าน หรือ หมื่นด้งนคร ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญในด้านขุมกำลังทางทหารและการปกครอง หมื่นด้ำพร้าคตเคยไปลังกา เพื่อจำลองแบบอย่างโลหปราสาทและรัตนเจดีย์ ณ เมืองลังกาทวีปโพ้นมา แล้วให้หมื่นด้ำพร้าคตเป็นผู้อำนวยการปฏิสังขรณ์กุฏิมหาธาตุ หรือเจดีย์ลักษณบุราคม (เจดีย์หลวง เชียงใหม่) ปีที่หมื่นด้ำพร้าคตเดินทางไปยังเมืองลังกาทวีปนี้ คือ พ.ศ. ๒๐๒๐ (ดูหนังสือตำนานโยนก ของพระยาประชากิจกรจักร (แช่ม บุนนาค) ฉบับพิมพ์ พ.ศ. ๒๔๖๙ หน้า ๒๔๓ – ๒๔๔)
นอกจากจะเป็นผู้อำนวยการปฏิสังขรณ์พระมหาธาตุเจดีย์หลวง หมื่นด้ำพร้าคตยังได้ทำการหล่อพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่หนักประมาณ ๓๓ แสน ให้มีลักษณะเหมือนพระพุทธรูปแบบลวปุระ (คือพระเจ้าแค่งคม วัดศรีเกิดปัจจุบัน) พระเจ้าติโลกราชทรงโปรดให้หมื่นด้ำพร้าคต หรือสีหโคตรเสนา กับอาณากิจจาธิบดีมหาอำมาตย์ (คือหมื่นด้ำพร้าอ้าย) เป็นผู้ทำการหล่อที่วัดป่าตาลมหาวิหาร ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เมืองเชียงใหม่ (ว่าคือวัดตะโปทารามหรือวัดล่ำเปิงปัจจุบันใต้สนามบิน) บางท่านก็ว่าวัดป่าตาลนั้นเป็นวัดร้างอยู่ทางด้านใต้โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพปัจจุบัน
จากผลงานชิ้นสำคัญ ๒ ชิ้นนี้ แสดงว่าหมื่นด้ำพร้าคตหรือสีหโคตรเสนาบดีท่านนี้ เป็นทั้งนายช่างสถาปนิกและนักประติมากรรมลือชื่อ ไม่แต่ในอดีตสมัยเท่านั้น แม้ในปัจจุบันนี้ก็ยากที่จะหานายช่างและนักประติมากรรมที่สร้างผลงานไว้เท่าเทียมท่านได้ ดังนั้นหมื่นด้ำพร้าคตจึงเป็นผู้ควรแก่การยกย่องสรรเสริญผู้หนึ่ง เฉพาะอย่างยิ่ง หมื่นด้ำพร้าคตท่านนี้ เป็นชาวเมืองยวม และเมื่อท่านถึงแก่อนิจกรรมไปแล้ว อิฐของท่านก็ได้บรรจุไว้ในกู่ที่เมืองยวมใต้ ซึ่งอาจจะเป็นเจดีย์ร้างแห่งใดแห่งหนึ่ง ในบริเวณเมืองยวมใต้นี้เอง
ท่านถึงอนิจกรรมเมื่อ ปี พ.ศ. ๒๐๒๕ (ชินกาลมาลินี ว่าพระเจ้าติโลกราชโปรดให้หล่อพระพุทธรูปแบบลวปุระ (พระเจ้าแค่งคม) เมื่อ พ.ศ. ๒๐๒๗ (จ.ศ. ๘๔๕) หากถือเอาตามตำนานโยนกว่า หมื่นด้ำพร้าคตถึงแก่อนิจกรรมเมื่อ จ.ศ. ๘๔๔ ก็เป็นเวลาหลังจากหมื่นด้ำพร้าคตถึงแก่อนิจกรรม ๑ ปี เข้าใจว่าอาจคลาดเคลื่อน ) ปรากฏในตำนานโยนกว่า “ลุศักราช ๘๔๔ ปีขาลจัตวาศก หมื่นด้ำพร้าคตหรือสีหเสนาบดี ผู้เป็นนายช่างใหญ่ป่วยถึงอนิจกรรม โปรดให้ทำฌาปนกิจ ณ เมืองยวมใต้ ให้ก่อเจดีย์บรรจุอัฐิธาตุไว้ ณ ที่นั้น”
แม้ว่าท่านจะล่วงลับไปเป็นเวลานานถึง ๔๘๖ ปีกว่ามาแล้วก็ตาม แต่ผลงานของท่านยังคงปรากฏแก่สายตาของชนรุ่นหลังจนกระทั่งทุกวันนี้ และจะคงอยู่ต่อไป จนชั่วลูกชั่วหลานชั่วกาลนาน และดวงวิญญาณของท่าน แม้จะสิงสถิตอยู่แห่งใดก็ดีคงจะชื่นชมกับผลงานของท่าน ซึ่งยังคงอยู่ตาบทุกวันนี้ และตลอดไปชั่วกัลปาวสาน
วัดเจ็ดยอด หมื่นด้ามพร้าคต เป็นนายช่างทำการก่อสร้าง
ศาสนสถานและเสนาสนะขึ้นเป็นพระอารามหลวง
คัดจาก
หนังสือ คนดีเมืองเหนือ ของ คุณสงวน โชติสุขรัตน์
พี่คะ หนูเข้ามาอ่านแล้วชอบมากเลย อาจจะช้าไปสำหรับพี่ ขอบคุณที่โพสทิ้งไว้ อาจจะเก่าแล้วสำหรับพี่ แต่เรื่องนี้ใหม่สำหรับหนู หนูเกิดไอเดียปิ้ง ทำโมเดลตามที่พี่โพส
ตอบลบได้แบบนี้หนะ
https://fbcdn-sphotos-h-a.akamaihd.net/hphotos-ak-ash3/553990_4824720189767_1955298069_n.jpg
เยี่ยมมากเลยครับรูปแบบสวยดีอ่านง่ายสบายตา
ลบคือคุณครูบอกว่า
ตอบลบเจดีย์ที่โรงเรียนชุมชนบ้านน้ำดิบเป็นที่เก็บอัฐิของหมื่นด้ามพร้าคตค่ะ เจดีย์มีกำไรมีพระพุทธรูปด้วย อยากรู้ว่าจริงหรือไม่