เขาเป็นยอดนักสู้ชาวลำพูน ผู้ไม่ยอมคุกเข่าศิโรราบให้แก่ต่างชาติ แม้ว่าเขาจะถูกพม่าชนชาติศัตรูต้อนเอาจนมุมถึง ๒ ครั้ง แต่เขาก็เช่นเดียวกับเบ้งเฮงวีรบุรุษใจสิงห์ชาวหม่าน ซึ่งไม่ยอมคุกเข่าให้แก่ขงเบ้งผู้พิชิต ผิดแต่ว่าเบ้งเฮกนั้นเมื่อถูกจับครั้งที่ ๗ มนุษย์ใจสิงห์ชาวหม่านก็เลยใจอ่อน ยอมให้ขงเบ้งกลืนเอาทั้งเป็นอย่างคุณชายคึกฤทธิ์ว่าไว้ในสามก๊กฉบับนางทุน แต่ทว่ามนุษย์ใจสิงห์ชาวลำพูนผู้นี้ไม่ยอมแพ้ไม่ยอมให้พม่ากลืนทั้งเป็น แต่ยอมตายยอมสละชีวิตและเลือดเนื้อ เพื่อเกียรติศักดิ์ของนักสู้ชาวลนนาไทย เขาคือ เจ้าเมืองไชย อัศวินใจสิงห์ เจ้าเมืองลำพูนแห่งพุทธศตวรรษที่ ๒๓
ในยุคนั้นทั่วผืนลานนาไทย ต่างแยกกันตั้งอยู่เป็นก๊กเป็นเหล่า เมืองลำพูนในขณะนั้นตั้งตัวเป็นเป็นอิสระไม่ขึ้นแก่ใคร โดยมีเจ้าเมืองไชยพ่อเมืองเป็นประมุข ครั้นในปี พ.ศ. ๒๓๐๗ พระเจ้าอังวะกษัตริย์พม่าได้ให้เกณฑ์กำลังทัพหัวเมืองฝ่ายเหนือ ให้โป่ชุกเป็นแม่ทัพคุมพลลงมาตีหัวเมืองต่างๆในแว่นแคว้นลานนาไทย เพื่อจะยึดเอาหัวเมืองฝ่ายเหนือของลานนาไทย ซึ่งอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร เป็นฐานทัพในอันที่จะรุกรานกรุงศรีอยุธยาตามแผนการต่อไป กองทัพพม่าในสมัยนั้นนับว่าเป็นกองทัพที่เกรียงไกร และแสนยานุภาพมากที่สุดในแหลมทอง ภายใต้การนำของจอมพลโป่ชุกก็บุกตะลุยตีดะมายังเมืองเชียงใหม่ อันเป็นเมืองใหญ่และตั้งแข็งเมืองอยู่นั้นแตกยับเยิน และต้องตกอยู่ในอำนาจของพม่า
หลังจากที่ได้เมืองเชียงใหม่แล้ว โป่ชุกผู้เป็นแม่ทัพก็วางแผนที่จะตีเอาเมืองลำพูนอีก ฝ่ายเจ้าเมืองพ่อเมืองไชยลำพูนได้ทราบข่าวศึกก็เร่งจัดเตรียมไพร่พลไว้พร้อมพรัก เตรียมรับมือพม่าอย่างอาจหาญ และเมื่อกองทัพพม่ายกมาถึงเจ้าเมืองไชยก็คุมไพร่พลออกต่อสู้พม่าเป็นสามารถ แต่เพราะกองทัพเมืองลำพูนมีกำลังน้อยกว่า เมื่อต้านทานอยู่ได้ไม่นานนัก กองทัพพม่าซึ่งมีกำลังเหนือกว่าก็บุกตะลุยเข้าเมือง จับตัวเจ้าเมืองไชยพ่อเมืองได้ แต่พม่ามิได้ฆ่าคงให้อยู่ในตำแหน่งพ่อเมืองต่อไป โดยมิให้ทำอันตรายหรือลงทัณฑ์อย่างใดแก่เจ้าเมืองไชย ซึ่งน่าจะเข้าใจได้ว่าอย่างไรเสียเจ้าเมืองไชยก็คงเป็นผู้ที่มีพิษสงอยู่ไม่น้อย พม่าจึงต้องเอาใจเลี้ยงไว้เพื่อเป็นกำลังต่อไป
นี่เป็นการจนมุมครั้งที่ ๑ ของยอดนักสู้ชาวลำพูน
เป็นที่น่าเสียดายที่ในพงศาวดารเมืองเชียงใหม่และเมืองลำพูน กล่าวถึงพฤติการณ์เจ้าเมืองไชยน้อยไป แต่นั่นแหละมนุษย์ใจสิงห์อย่างเจ้าเมืองไชยนั้น ยากนักที่จะค้อมหัวให้แก่พม่าง่ายๆ เลือดนักสู้ของชาวลำพูนนี้คงมีสีแดงเข้มข้นเยี่ยงบรรพบุรุษของเขา แต่เมื่อเห็นว่ากำลังของตนน้อยกว่าพม่าเข้าก็สงบนิ่งคอยทีอยู่ แม้ว่าหัวใจของเขาจะเดือดพล่านด้วยเพลิงแค้น และความเจ็บช้ำอันแทบจะเหลือความอดกลั้นก็ตาม
ฝ่ายโป่ชุกเมืองตีได้เมืองลำพูนแล้ว ก็เลยยกกองทัพไปตีเมืองลำปาง ซึ่งขณะนั้นท้าวลิ้นก่านครองเมืองอยู่ ในกองทัพพม่าที่ยกมาคราวนี้ มีคนสำคัญที่สมควรกล่าวนามในที่นี้คือ เจ้าฟ้าชายแก้ว (หรือเจ้าฟ้าหลวงชายแก้ว) ราชบุตรของพญาสุละวะฤๅชัยสงคราม (ทิพช้าง) ต้นตระกูล ณ เชียงใหม่ ณ ลำพูน ณ ลำปาง และเชื้อ(เจ้า)เจ็ดตนในทุกวันนี้ ร่วมมาด้วย
เจ้าฟ้าชายแก้วได้หลบหนีเจ้าลิ้นก่านเจ้าเมืองลำปางเก่า ซึ่งยกมาตีเอาเมืองลำปางคืนจากเจ้าฟ้าชายแก้ว ในปี พ.ศ. ๒๓๐๕ เจ้าฟ้าชายแก้วพ่ายเสียเมืองแก่ท้าวลิ้นก่าน จึงหลบหนีไปสวามิภักดิ์กับพม่า ซึ่งพม่าเห็นว่าเจ้าฟ้าชายแก้วจะได้เป็นกำลังสำคัญ ในการปกครองแว่นแคว้นลานนาไทยได้อยู่ จึงอุปถัมภ์เลี้ยงดูเป็นอันดี และเมื่อพม่าให้โป่ชุกยกกองทัพมาตีเชียงใหม่ เจ้าฟ้าชายแก้วก็ได้ร่วมเข้ามาในกองทัพด้วย และเมื่อพม่าตีเมืองลำปางแตก ก็ให้เจ้าฟ้าชายแก้วกับท้าวลิ้นก่านแข่งขันดำน้ำพิสูจน์ ว่าใครเป็นผู้มีสิทธิ์ครองเมืองลำปาง ท้าวลิ้นก่านแพ้จึงถูกจับประหารชีวิตเสีย แล้วพม่าก็สถาปนาให้เจ้าฟ้าชายแก้วเป็นที่ เจ้าฟ้าชายแก้ว ปกครองเมืองนครลำปาง ในปี พ.ศ. ๒๓๐๗ นั้นเอง แต่พม่าไม่มีความไว้วางใจเจ้าฟ้าชายแก้ว เกรงว่าจะคิดกู้อิสรภาพอีก จึงให้ขุนนางพม่าผู้หนึ่งคุมไพร่พลคอยควบคุมเป็นการคุมเชิงไว้
ส่วนเมืองเชียงใหม่นั้น โป่ชุกได้ตั้งให้โป่อภัยคามินีเป็นเจ้าเมืองคุมทหารรักษาเมืองอยู่ แม้นว่าลานนาไทยจะตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าก็ตาม แต่ทว่าจิตใจของชาวลานนาไทยยังคงเป็นไทยอยู่เสมอ ชนชาวลานนาไทยลางกลุ่มได้รวมกำลังกันขึ้นแข็งข้อสู้นบกับพม่าบ่อยๆ แต่ก็ถูกพม่าปราบปรามเสียทุกครั้ง ทั้งนี้เป็นเพราะพวกเราต่างคนต่างแบ่งกันเป็นพวกเป็นเหล่าไม่มีความสามัคคีกัน ทั้งๆที่ทุกพวกมีจุดหมายอย่างเดียวกันคือ กู้ชาติบ้านเมืองให้พ้นจากแอกการปกครองของพม่า แต่ก็หาพยายามรวมกำลังส่วนใหญ่ให้เป็นกลุ่มก้อนไม่ ซึ่งเพราะกำลังกระจัดกระจายกันอยู่นี้เอง ทำให้พม่าปราบเสียจนชาวลานนาไทยไม่กล้าลุกฮือขึ้นอีก และนับแต่นั้นมาพวกพม่าก็กดขี่ข่มเหงบังคับพวกราษฎรชาวลานนาไทยหนักขึ้น เพื่อให้ชาวลานนาไทยเกรงกลัว โดยหาคิดไม่ว่าการกระทำเช่นนั้น ทำให้ชาวลานนาไทยพากันเคียดแค้นชิงชังพวกพม่าเป็นอันมาก ซึ่งต่างก็พากันจะคิดบัญชีแก้ลำพม่า และมีชาวลานนาไทยผู้รักชาติลางกลุ่มคุมสมัครพรรคพวกเป็นกองโจรทำการรังควานพม่าอยู่เสมอ
ครั้นลุถึงปี พ.ศ. ๒๓๐๘ เจ้าเมืองไชยเจ้าเมืองลำพูนซึ่งมีความเจ็บแค้นพวกพม่า ที่กดขี่ข่มเหงราษฎรชาวลานนาไทย ให้ได้รับความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้านั้น จนสุดที่จะอดรนทนดูอีกต่อไปได้ จึงคิดอ่านหาหนทางที่จะกู้อิสรภาพจากพม่า เจ้าเมืองไชยจึงส้องสุมผู้คนไพร่พลแลแสบียงอาหารไว้ จนเห็นว่ามีกำลังเข้มแข็งพอที่จะสู้กับพวกพม่าแล้ว เจ้าเมืองไชยก็ประกาศตนเป็นศัตรูอันเปิดเผยต่อพม่าทันที ด้วยการแข็งเมืองไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจของพม่าอีกต่อไป และจับพม่าที่กดขี่ข่มเหงราษฎรชาวลานนาไทยฆ่าตายเสียเป็นอันมาก เมื่อกวาดพวกพม่าในเมืองลำพูนเสร็จสิ้นแล้ว เจ้าเมืองไชยก็แยกไพร่พลออกจากเมืองลำพูนมุ่งจะกวาดล้างพม่าที่อยู่รักษาเมืองเชียงใหม่ โดยมีโป่อภัยคามิณีเป็นหัวหน้า
โป่อภัยคามิณีเป็นผู้ที่ตั้งอยู่ในความประมาท คิดว่าชาวลานนาไทยคงไม่กล้าที่จะกำแหงหาญลุกฮือขึ้นต่อสู้กับพม่าอีก ก็มัวนอนซดสุราและกกนารีรุ่นกระเตาะอยู่ในคุ้ม กองทัพเมืองลำพูนซึ่งเคลื่อนพลมากลางดึก ก็ยกเข้าตีเมืองเชียงใหม่ในคืนนั้น พวกพม่าไม่ทันรู้ตัวก็ถูกชาวลำพูนฆ่าตายเป็นอันมาก ที่เหลือตายก็รบยันไว้ แต่พวกพม่านั้นจะว่ากล้าหาญนักก็ไม่เชิง ด้วยประดาบกับนักรบชาวลำพูนไม่กี่เพลงยังไม่ทันรุ่งเช้าก็เปิดหนีหมด โป่อภัยคามิณีหัวหน้ารีบเผ่นขึ้นหลังม้าหนีไปอย่างหวุดหวิด กองทัพเมืองลำพูนก็ยึดเมืองเชียงใหม่ได้ในคืนนั้นเอง
เจ้าเมืองไชยจึงขึ้นครองเมือง ซึ่งขณะนั้นมีสภาพร่วงโรยจนแทบจะกลายเป็นเมืองร้างไปแล้ว เพราะเกิดสู้รบกันกลางเมืองบ่อยๆ พวกราษฎรไม่กล้าอยู่อาศัย จึงอพยพครอบครัวไปอยู่ตามป่าดงเป็นซ่องโจรอยู่เป็นก๊ก ซึ่งเป็นผลร้ายในการบั่นทอนกำลังของตนเอง ฉะนั้นแม้ว่าเจ้าเมืองไชยจะทำการขับไล่พวกพม่าออกไปได้ แต่ทว่าเจ้าเมืองไชยก็หาสามารถรวบรวมกำลังเป็นปึกแผ่นได้ไม่ เพราะบ้านเมืองกำลังตกอยู่ในภาวะที่ไม่เป็นปกติสุข แต่เจ้าเมืองไชยก็คงคุมทหารรักษาเมืองเชียงใหม่ไว้อย่างเข้มแข็ง ทั้งๆที่เจ้าเมืองไชยเองก็คิดว่าอย่างไรเสียพวกพม่าคงจะมาตีเอาเมืองเชียงใหม่คืน จึงให้พวกไพร่พลฝึกปรือวิชาเพลงอาวุธไว้เสมอมิได้ขาด
ขณะนั้น ทางพม่าซึ่งกำลังคอยจ้องตะครุบเมืองไทยอยู่นั้น เห็นว่ากรุงศรีอยุธยาอ่อนกำลังลงมากแล้ว เพราะกษัตริย์อ่อนแอ หาได้เอาใจใส่ราชการงานเมืองไม่ ปล่อยให้พวกอำมาตย์และขุนนางทุจริตคนโกงกอบโกยเอาผลประโยชน์เข้ากระเป๋า ขุนนางคนดีๆถูกกำจักเสียมิใช่น้อย และที่ไม่สามารถทนดูภาวะที่แสนจะทนทานได้นั้น ก็หลีกเลี่ยงเอาตัวรอกไปเสีย บ้านเมืองจึงยุ่งอีหลุกขลุกเขลก พวกพม่าซึ่งคอยจ้องตะครุบเมืองไทยอยู่แล้ว เห็นทีได้โอกาสก็เตรียมรี้พลจะบุกกรุงศรีอยุธยาให้ราบเป็นหน้ากอง ซึ่งในปี พ.ศ. ๒๓๑๐ กรุงศรีอยุธยาก็เสียทีสิ้นอิสรภาพ บ้านแตกสาแหรกขาดยับเยินไปตามๆกัน หากไม่มีพระเจ้าตากสินกูอิสรภาพไว้ก็เห็นจะอับอายขายหน้าพม่าไม่น้อยเลยทีเดียว
ฝ่ายทางแคว้นลานนาไทยนั้นเล่า เจ้าเมืองไชยยอดนักสู้ชาวลำพูน ซึ่งครองเมืองเชียงใหม่อยู่นั้น อาสน์บัลลังก์เจ้าเมืองก็ร้อนเป็นไฟ เพราะพม่าให้อะแซหวุ่นกี้แม่ทัพผู้เฒ่า ผู้เจนศึกเกณฑ์ไพร่พลมาเป็นอันมาก ราวจะเหยียบผืนธรณีลานนาไทยให้ถล่มทลายไปฉะนั้น ก็เพื่อกวาดล้างกำลังของพวกเจ้าเมืองเก่าๆ ซึ่งเป็นเสี้ยนหนามของพม่าให้หมดสิ้นไปจริงๆ เพราะเมื่อพม่าตีได้เมืองใดก็ให้พม่าคุมพลครองเมืองอยู่ คอยทำการกวาดล้างชาวลานนาผู้ที่ไม่ยอมสวามิภักดิ์ด้วย ในครั้งนี้ชาวลานนาไทยถูกพวกพม่าฆ่าตายเสียมิใช่น้อย อะแซหวุ่นกี้ยกกองทัพตะลุยแคว้นลานนาไทยอย่างดุเดือด และที่สุดก็ยกเข้าล้อมนครเวียงพิงค์ไว้ เจ้าเมืองไชยมนุษย์ใจสิงห์ชาวลำพูนคุมทหารต่อสู้อย่างทรหด การสู้รบระหว่างเจ้าเมืองไชยกับกองทัพพม่าเป็นไปอย่างดุเดือดยิ่ง กองทัพชาวลำพูนน้อยตัวกว่า ที่สุกก็ถูกพวกพม่าฆ่าฟันล้มตายลงเกือบหมดสิ้น ที่เหลือตายก็ถูกพม่าจับเป็นเชลย
ส่วนเจ้าเมืองไชยผู้เป็นหัวหน้านั้น ไม่ยอมเป็นเชลย เขาจึงถูกพม่าประหารเสีย และนับแต่นั้นมาเชียงใหม่ ลำพูน ลำปางก็ตกอยู่ในอำนาจของพม่าโดยสิ้นเชิง จวบจนกระทั่ง พ.ศ. ๒๓๑๗ เจ้ากาวิละและน้องทั้งหก กับพระยาจ่าบ้านจึงร่วมกันกู้อิสรภาพ และเข้าร่วมกับไทยกลางมาจนทุกวันนี้
เขาตายแล้ว...เจ้าเมืองไชย เขาตายอย่างลูกผู้ชายชาติทหารที่รักเกียรติศักดิ์ของตนเอง ยอมเอาเลือดทาแผ่นดิน ดีกว่าที่จะยอมอยู่ใต้อำนาจของศัตรู และแม้ว่าเขาจะสิ้นชีวิตไปแล้วกว่า ๒๐๖ ปีก็ตาม แต่เกียรติประวัติอันเป็นวีรกรรมของเขานี้ คงทำให้ชาวล้านนาทุกคนระลึกถึงเขาเสมอว่า เขา...เจ้าเมืองไชยยอดนักสู้ชาวลำพูนผู้นี้ เป็นจอมอัศวินใจสิงห์แห่งยุคผู้หนึ่งในอดีตกาลของล้านนา
..................................................................................................................................................................................
หมายเหตุ - หนังสือพงศาวดารเมืองน่าน ฉบับของ แสนหลวงราชสมภาร ว่าเจ้าเมืองไชย เจ้าเมืองลำพูนหนีออกไปอยู่เมืองฮ่อจนสิ้นชีวิต ไม่ได้ตายในที่รบตามตำนานโยนก
ในยุคนั้นทั่วผืนลานนาไทย ต่างแยกกันตั้งอยู่เป็นก๊กเป็นเหล่า เมืองลำพูนในขณะนั้นตั้งตัวเป็นเป็นอิสระไม่ขึ้นแก่ใคร โดยมีเจ้าเมืองไชยพ่อเมืองเป็นประมุข ครั้นในปี พ.ศ. ๒๓๐๗ พระเจ้าอังวะกษัตริย์พม่าได้ให้เกณฑ์กำลังทัพหัวเมืองฝ่ายเหนือ ให้โป่ชุกเป็นแม่ทัพคุมพลลงมาตีหัวเมืองต่างๆในแว่นแคว้นลานนาไทย เพื่อจะยึดเอาหัวเมืองฝ่ายเหนือของลานนาไทย ซึ่งอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร เป็นฐานทัพในอันที่จะรุกรานกรุงศรีอยุธยาตามแผนการต่อไป กองทัพพม่าในสมัยนั้นนับว่าเป็นกองทัพที่เกรียงไกร และแสนยานุภาพมากที่สุดในแหลมทอง ภายใต้การนำของจอมพลโป่ชุกก็บุกตะลุยตีดะมายังเมืองเชียงใหม่ อันเป็นเมืองใหญ่และตั้งแข็งเมืองอยู่นั้นแตกยับเยิน และต้องตกอยู่ในอำนาจของพม่า
หลังจากที่ได้เมืองเชียงใหม่แล้ว โป่ชุกผู้เป็นแม่ทัพก็วางแผนที่จะตีเอาเมืองลำพูนอีก ฝ่ายเจ้าเมืองพ่อเมืองไชยลำพูนได้ทราบข่าวศึกก็เร่งจัดเตรียมไพร่พลไว้พร้อมพรัก เตรียมรับมือพม่าอย่างอาจหาญ และเมื่อกองทัพพม่ายกมาถึงเจ้าเมืองไชยก็คุมไพร่พลออกต่อสู้พม่าเป็นสามารถ แต่เพราะกองทัพเมืองลำพูนมีกำลังน้อยกว่า เมื่อต้านทานอยู่ได้ไม่นานนัก กองทัพพม่าซึ่งมีกำลังเหนือกว่าก็บุกตะลุยเข้าเมือง จับตัวเจ้าเมืองไชยพ่อเมืองได้ แต่พม่ามิได้ฆ่าคงให้อยู่ในตำแหน่งพ่อเมืองต่อไป โดยมิให้ทำอันตรายหรือลงทัณฑ์อย่างใดแก่เจ้าเมืองไชย ซึ่งน่าจะเข้าใจได้ว่าอย่างไรเสียเจ้าเมืองไชยก็คงเป็นผู้ที่มีพิษสงอยู่ไม่น้อย พม่าจึงต้องเอาใจเลี้ยงไว้เพื่อเป็นกำลังต่อไป
นี่เป็นการจนมุมครั้งที่ ๑ ของยอดนักสู้ชาวลำพูน
เป็นที่น่าเสียดายที่ในพงศาวดารเมืองเชียงใหม่และเมืองลำพูน กล่าวถึงพฤติการณ์เจ้าเมืองไชยน้อยไป แต่นั่นแหละมนุษย์ใจสิงห์อย่างเจ้าเมืองไชยนั้น ยากนักที่จะค้อมหัวให้แก่พม่าง่ายๆ เลือดนักสู้ของชาวลำพูนนี้คงมีสีแดงเข้มข้นเยี่ยงบรรพบุรุษของเขา แต่เมื่อเห็นว่ากำลังของตนน้อยกว่าพม่าเข้าก็สงบนิ่งคอยทีอยู่ แม้ว่าหัวใจของเขาจะเดือดพล่านด้วยเพลิงแค้น และความเจ็บช้ำอันแทบจะเหลือความอดกลั้นก็ตาม
ฝ่ายโป่ชุกเมืองตีได้เมืองลำพูนแล้ว ก็เลยยกกองทัพไปตีเมืองลำปาง ซึ่งขณะนั้นท้าวลิ้นก่านครองเมืองอยู่ ในกองทัพพม่าที่ยกมาคราวนี้ มีคนสำคัญที่สมควรกล่าวนามในที่นี้คือ เจ้าฟ้าชายแก้ว (หรือเจ้าฟ้าหลวงชายแก้ว) ราชบุตรของพญาสุละวะฤๅชัยสงคราม (ทิพช้าง) ต้นตระกูล ณ เชียงใหม่ ณ ลำพูน ณ ลำปาง และเชื้อ(เจ้า)เจ็ดตนในทุกวันนี้ ร่วมมาด้วย
เจ้าฟ้าชายแก้วได้หลบหนีเจ้าลิ้นก่านเจ้าเมืองลำปางเก่า ซึ่งยกมาตีเอาเมืองลำปางคืนจากเจ้าฟ้าชายแก้ว ในปี พ.ศ. ๒๓๐๕ เจ้าฟ้าชายแก้วพ่ายเสียเมืองแก่ท้าวลิ้นก่าน จึงหลบหนีไปสวามิภักดิ์กับพม่า ซึ่งพม่าเห็นว่าเจ้าฟ้าชายแก้วจะได้เป็นกำลังสำคัญ ในการปกครองแว่นแคว้นลานนาไทยได้อยู่ จึงอุปถัมภ์เลี้ยงดูเป็นอันดี และเมื่อพม่าให้โป่ชุกยกกองทัพมาตีเชียงใหม่ เจ้าฟ้าชายแก้วก็ได้ร่วมเข้ามาในกองทัพด้วย และเมื่อพม่าตีเมืองลำปางแตก ก็ให้เจ้าฟ้าชายแก้วกับท้าวลิ้นก่านแข่งขันดำน้ำพิสูจน์ ว่าใครเป็นผู้มีสิทธิ์ครองเมืองลำปาง ท้าวลิ้นก่านแพ้จึงถูกจับประหารชีวิตเสีย แล้วพม่าก็สถาปนาให้เจ้าฟ้าชายแก้วเป็นที่ เจ้าฟ้าชายแก้ว ปกครองเมืองนครลำปาง ในปี พ.ศ. ๒๓๐๗ นั้นเอง แต่พม่าไม่มีความไว้วางใจเจ้าฟ้าชายแก้ว เกรงว่าจะคิดกู้อิสรภาพอีก จึงให้ขุนนางพม่าผู้หนึ่งคุมไพร่พลคอยควบคุมเป็นการคุมเชิงไว้
ส่วนเมืองเชียงใหม่นั้น โป่ชุกได้ตั้งให้โป่อภัยคามินีเป็นเจ้าเมืองคุมทหารรักษาเมืองอยู่ แม้นว่าลานนาไทยจะตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าก็ตาม แต่ทว่าจิตใจของชาวลานนาไทยยังคงเป็นไทยอยู่เสมอ ชนชาวลานนาไทยลางกลุ่มได้รวมกำลังกันขึ้นแข็งข้อสู้นบกับพม่าบ่อยๆ แต่ก็ถูกพม่าปราบปรามเสียทุกครั้ง ทั้งนี้เป็นเพราะพวกเราต่างคนต่างแบ่งกันเป็นพวกเป็นเหล่าไม่มีความสามัคคีกัน ทั้งๆที่ทุกพวกมีจุดหมายอย่างเดียวกันคือ กู้ชาติบ้านเมืองให้พ้นจากแอกการปกครองของพม่า แต่ก็หาพยายามรวมกำลังส่วนใหญ่ให้เป็นกลุ่มก้อนไม่ ซึ่งเพราะกำลังกระจัดกระจายกันอยู่นี้เอง ทำให้พม่าปราบเสียจนชาวลานนาไทยไม่กล้าลุกฮือขึ้นอีก และนับแต่นั้นมาพวกพม่าก็กดขี่ข่มเหงบังคับพวกราษฎรชาวลานนาไทยหนักขึ้น เพื่อให้ชาวลานนาไทยเกรงกลัว โดยหาคิดไม่ว่าการกระทำเช่นนั้น ทำให้ชาวลานนาไทยพากันเคียดแค้นชิงชังพวกพม่าเป็นอันมาก ซึ่งต่างก็พากันจะคิดบัญชีแก้ลำพม่า และมีชาวลานนาไทยผู้รักชาติลางกลุ่มคุมสมัครพรรคพวกเป็นกองโจรทำการรังควานพม่าอยู่เสมอ
ครั้นลุถึงปี พ.ศ. ๒๓๐๘ เจ้าเมืองไชยเจ้าเมืองลำพูนซึ่งมีความเจ็บแค้นพวกพม่า ที่กดขี่ข่มเหงราษฎรชาวลานนาไทย ให้ได้รับความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้านั้น จนสุดที่จะอดรนทนดูอีกต่อไปได้ จึงคิดอ่านหาหนทางที่จะกู้อิสรภาพจากพม่า เจ้าเมืองไชยจึงส้องสุมผู้คนไพร่พลแลแสบียงอาหารไว้ จนเห็นว่ามีกำลังเข้มแข็งพอที่จะสู้กับพวกพม่าแล้ว เจ้าเมืองไชยก็ประกาศตนเป็นศัตรูอันเปิดเผยต่อพม่าทันที ด้วยการแข็งเมืองไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจของพม่าอีกต่อไป และจับพม่าที่กดขี่ข่มเหงราษฎรชาวลานนาไทยฆ่าตายเสียเป็นอันมาก เมื่อกวาดพวกพม่าในเมืองลำพูนเสร็จสิ้นแล้ว เจ้าเมืองไชยก็แยกไพร่พลออกจากเมืองลำพูนมุ่งจะกวาดล้างพม่าที่อยู่รักษาเมืองเชียงใหม่ โดยมีโป่อภัยคามิณีเป็นหัวหน้า
โป่อภัยคามิณีเป็นผู้ที่ตั้งอยู่ในความประมาท คิดว่าชาวลานนาไทยคงไม่กล้าที่จะกำแหงหาญลุกฮือขึ้นต่อสู้กับพม่าอีก ก็มัวนอนซดสุราและกกนารีรุ่นกระเตาะอยู่ในคุ้ม กองทัพเมืองลำพูนซึ่งเคลื่อนพลมากลางดึก ก็ยกเข้าตีเมืองเชียงใหม่ในคืนนั้น พวกพม่าไม่ทันรู้ตัวก็ถูกชาวลำพูนฆ่าตายเป็นอันมาก ที่เหลือตายก็รบยันไว้ แต่พวกพม่านั้นจะว่ากล้าหาญนักก็ไม่เชิง ด้วยประดาบกับนักรบชาวลำพูนไม่กี่เพลงยังไม่ทันรุ่งเช้าก็เปิดหนีหมด โป่อภัยคามิณีหัวหน้ารีบเผ่นขึ้นหลังม้าหนีไปอย่างหวุดหวิด กองทัพเมืองลำพูนก็ยึดเมืองเชียงใหม่ได้ในคืนนั้นเอง
เจ้าเมืองไชยจึงขึ้นครองเมือง ซึ่งขณะนั้นมีสภาพร่วงโรยจนแทบจะกลายเป็นเมืองร้างไปแล้ว เพราะเกิดสู้รบกันกลางเมืองบ่อยๆ พวกราษฎรไม่กล้าอยู่อาศัย จึงอพยพครอบครัวไปอยู่ตามป่าดงเป็นซ่องโจรอยู่เป็นก๊ก ซึ่งเป็นผลร้ายในการบั่นทอนกำลังของตนเอง ฉะนั้นแม้ว่าเจ้าเมืองไชยจะทำการขับไล่พวกพม่าออกไปได้ แต่ทว่าเจ้าเมืองไชยก็หาสามารถรวบรวมกำลังเป็นปึกแผ่นได้ไม่ เพราะบ้านเมืองกำลังตกอยู่ในภาวะที่ไม่เป็นปกติสุข แต่เจ้าเมืองไชยก็คงคุมทหารรักษาเมืองเชียงใหม่ไว้อย่างเข้มแข็ง ทั้งๆที่เจ้าเมืองไชยเองก็คิดว่าอย่างไรเสียพวกพม่าคงจะมาตีเอาเมืองเชียงใหม่คืน จึงให้พวกไพร่พลฝึกปรือวิชาเพลงอาวุธไว้เสมอมิได้ขาด
ขณะนั้น ทางพม่าซึ่งกำลังคอยจ้องตะครุบเมืองไทยอยู่นั้น เห็นว่ากรุงศรีอยุธยาอ่อนกำลังลงมากแล้ว เพราะกษัตริย์อ่อนแอ หาได้เอาใจใส่ราชการงานเมืองไม่ ปล่อยให้พวกอำมาตย์และขุนนางทุจริตคนโกงกอบโกยเอาผลประโยชน์เข้ากระเป๋า ขุนนางคนดีๆถูกกำจักเสียมิใช่น้อย และที่ไม่สามารถทนดูภาวะที่แสนจะทนทานได้นั้น ก็หลีกเลี่ยงเอาตัวรอกไปเสีย บ้านเมืองจึงยุ่งอีหลุกขลุกเขลก พวกพม่าซึ่งคอยจ้องตะครุบเมืองไทยอยู่แล้ว เห็นทีได้โอกาสก็เตรียมรี้พลจะบุกกรุงศรีอยุธยาให้ราบเป็นหน้ากอง ซึ่งในปี พ.ศ. ๒๓๑๐ กรุงศรีอยุธยาก็เสียทีสิ้นอิสรภาพ บ้านแตกสาแหรกขาดยับเยินไปตามๆกัน หากไม่มีพระเจ้าตากสินกูอิสรภาพไว้ก็เห็นจะอับอายขายหน้าพม่าไม่น้อยเลยทีเดียว
ฝ่ายทางแคว้นลานนาไทยนั้นเล่า เจ้าเมืองไชยยอดนักสู้ชาวลำพูน ซึ่งครองเมืองเชียงใหม่อยู่นั้น อาสน์บัลลังก์เจ้าเมืองก็ร้อนเป็นไฟ เพราะพม่าให้อะแซหวุ่นกี้แม่ทัพผู้เฒ่า ผู้เจนศึกเกณฑ์ไพร่พลมาเป็นอันมาก ราวจะเหยียบผืนธรณีลานนาไทยให้ถล่มทลายไปฉะนั้น ก็เพื่อกวาดล้างกำลังของพวกเจ้าเมืองเก่าๆ ซึ่งเป็นเสี้ยนหนามของพม่าให้หมดสิ้นไปจริงๆ เพราะเมื่อพม่าตีได้เมืองใดก็ให้พม่าคุมพลครองเมืองอยู่ คอยทำการกวาดล้างชาวลานนาผู้ที่ไม่ยอมสวามิภักดิ์ด้วย ในครั้งนี้ชาวลานนาไทยถูกพวกพม่าฆ่าตายเสียมิใช่น้อย อะแซหวุ่นกี้ยกกองทัพตะลุยแคว้นลานนาไทยอย่างดุเดือด และที่สุดก็ยกเข้าล้อมนครเวียงพิงค์ไว้ เจ้าเมืองไชยมนุษย์ใจสิงห์ชาวลำพูนคุมทหารต่อสู้อย่างทรหด การสู้รบระหว่างเจ้าเมืองไชยกับกองทัพพม่าเป็นไปอย่างดุเดือดยิ่ง กองทัพชาวลำพูนน้อยตัวกว่า ที่สุกก็ถูกพวกพม่าฆ่าฟันล้มตายลงเกือบหมดสิ้น ที่เหลือตายก็ถูกพม่าจับเป็นเชลย
ส่วนเจ้าเมืองไชยผู้เป็นหัวหน้านั้น ไม่ยอมเป็นเชลย เขาจึงถูกพม่าประหารเสีย และนับแต่นั้นมาเชียงใหม่ ลำพูน ลำปางก็ตกอยู่ในอำนาจของพม่าโดยสิ้นเชิง จวบจนกระทั่ง พ.ศ. ๒๓๑๗ เจ้ากาวิละและน้องทั้งหก กับพระยาจ่าบ้านจึงร่วมกันกู้อิสรภาพ และเข้าร่วมกับไทยกลางมาจนทุกวันนี้
เขาตายแล้ว...เจ้าเมืองไชย เขาตายอย่างลูกผู้ชายชาติทหารที่รักเกียรติศักดิ์ของตนเอง ยอมเอาเลือดทาแผ่นดิน ดีกว่าที่จะยอมอยู่ใต้อำนาจของศัตรู และแม้ว่าเขาจะสิ้นชีวิตไปแล้วกว่า ๒๐๖ ปีก็ตาม แต่เกียรติประวัติอันเป็นวีรกรรมของเขานี้ คงทำให้ชาวล้านนาทุกคนระลึกถึงเขาเสมอว่า เขา...เจ้าเมืองไชยยอดนักสู้ชาวลำพูนผู้นี้ เป็นจอมอัศวินใจสิงห์แห่งยุคผู้หนึ่งในอดีตกาลของล้านนา
..................................................................................................................................................................................
หมายเหตุ - หนังสือพงศาวดารเมืองน่าน ฉบับของ แสนหลวงราชสมภาร ว่าเจ้าเมืองไชย เจ้าเมืองลำพูนหนีออกไปอยู่เมืองฮ่อจนสิ้นชีวิต ไม่ได้ตายในที่รบตามตำนานโยนก
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.bloggang.com(คัดจาก "คนดีเมืองเหนือ" สงวน โชติสุขรัตน์)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น