วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2554

เจ้าเมืองไชย อัศวินใจสิงห์

                         
                         เขาเป็นยอดนักสู้ชาวลำพูน  ผู้ไม่ยอมคุกเข่าศิโรราบให้แก่ต่างชาติ  แม้ว่าเขาจะถูกพม่าชนชาติศัตรูต้อนเอาจนมุมถึง ๒ ครั้ง  แต่เขาก็เช่นเดียวกับเบ้งเฮงวีรบุรุษใจสิงห์ชาวหม่าน  ซึ่งไม่ยอมคุกเข่าให้แก่ขงเบ้งผู้พิชิต  ผิดแต่ว่าเบ้งเฮกนั้นเมื่อถูกจับครั้งที่ ๗ มนุษย์ใจสิงห์ชาวหม่านก็เลยใจอ่อน  ยอมให้ขงเบ้งกลืนเอาทั้งเป็นอย่างคุณชายคึกฤทธิ์ว่าไว้ในสามก๊กฉบับนางทุน  แต่ทว่ามนุษย์ใจสิงห์ชาวลำพูนผู้นี้ไม่ยอมแพ้ไม่ยอมให้พม่ากลืนทั้งเป็น  แต่ยอมตายยอมสละชีวิตและเลือดเนื้อ  เพื่อเกียรติศักดิ์ของนักสู้ชาวลนนาไทย  เขาคือ  เจ้าเมืองไชย อัศวินใจสิงห์  เจ้าเมืองลำพูนแห่งพุทธศตวรรษที่ ๒๓
                 ในยุคนั้นทั่วผืนลานนาไทย  ต่างแยกกันตั้งอยู่เป็นก๊กเป็นเหล่า  เมืองลำพูนในขณะนั้นตั้งตัวเป็นเป็นอิสระไม่ขึ้นแก่ใคร  โดยมีเจ้าเมืองไชยพ่อเมืองเป็นประมุข  ครั้นในปี พ.ศ. ๒๓๐๗  พระเจ้าอังวะกษัตริย์พม่าได้ให้เกณฑ์กำลังทัพหัวเมืองฝ่ายเหนือ  ให้โป่ชุกเป็นแม่ทัพคุมพลลงมาตีหัวเมืองต่างๆในแว่นแคว้นลานนาไทย  เพื่อจะยึดเอาหัวเมืองฝ่ายเหนือของลานนาไทย  ซึ่งอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร  เป็นฐานทัพในอันที่จะรุกรานกรุงศรีอยุธยาตามแผนการต่อไป  กองทัพพม่าในสมัยนั้นนับว่าเป็นกองทัพที่เกรียงไกร  และแสนยานุภาพมากที่สุดในแหลมทอง  ภายใต้การนำของจอมพลโป่ชุกก็บุกตะลุยตีดะมายังเมืองเชียงใหม่  อันเป็นเมืองใหญ่และตั้งแข็งเมืองอยู่นั้นแตกยับเยิน  และต้องตกอยู่ในอำนาจของพม่า

       
หลังจากที่ได้เมืองเชียงใหม่แล้ว  โป่ชุกผู้เป็นแม่ทัพก็วางแผนที่จะตีเอาเมืองลำพูนอีก  ฝ่ายเจ้าเมืองพ่อเมืองไชยลำพูนได้ทราบข่าวศึกก็เร่งจัดเตรียมไพร่พลไว้พร้อมพรัก  เตรียมรับมือพม่าอย่างอาจหาญ  และเมื่อกองทัพพม่ายกมาถึงเจ้าเมืองไชยก็คุมไพร่พลออกต่อสู้พม่าเป็นสามารถ  แต่เพราะกองทัพเมืองลำพูนมีกำลังน้อยกว่า  เมื่อต้านทานอยู่ได้ไม่นานนัก  กองทัพพม่าซึ่งมีกำลังเหนือกว่าก็บุกตะลุยเข้าเมือง  จับตัวเจ้าเมืองไชยพ่อเมืองได้  แต่พม่ามิได้ฆ่าคงให้อยู่ในตำแหน่งพ่อเมืองต่อไป  โดยมิให้ทำอันตรายหรือลงทัณฑ์อย่างใดแก่เจ้าเมืองไชย  ซึ่งน่าจะเข้าใจได้ว่าอย่างไรเสียเจ้าเมืองไชยก็คงเป็นผู้ที่มีพิษสงอยู่ไม่น้อย  พม่าจึงต้องเอาใจเลี้ยงไว้เพื่อเป็นกำลังต่อไป

       
นี่เป็นการจนมุมครั้งที่ ๑  ของยอดนักสู้ชาวลำพูน

       
เป็นที่น่าเสียดายที่ในพงศาวดารเมืองเชียงใหม่และเมืองลำพูน  กล่าวถึงพฤติการณ์เจ้าเมืองไชยน้อยไป  แต่นั่นแหละมนุษย์ใจสิงห์อย่างเจ้าเมืองไชยนั้น  ยากนักที่จะค้อมหัวให้แก่พม่าง่ายๆ  เลือดนักสู้ของชาวลำพูนนี้คงมีสีแดงเข้มข้นเยี่ยงบรรพบุรุษของเขา  แต่เมื่อเห็นว่ากำลังของตนน้อยกว่าพม่าเข้าก็สงบนิ่งคอยทีอยู่  แม้ว่าหัวใจของเขาจะเดือดพล่านด้วยเพลิงแค้น  และความเจ็บช้ำอันแทบจะเหลือความอดกลั้นก็ตาม

       
ฝ่ายโป่ชุกเมืองตีได้เมืองลำพูนแล้ว  ก็เลยยกกองทัพไปตีเมืองลำปาง  ซึ่งขณะนั้นท้าวลิ้นก่านครองเมืองอยู่  ในกองทัพพม่าที่ยกมาคราวนี้  มีคนสำคัญที่สมควรกล่าวนามในที่นี้คือ เจ้าฟ้าชายแก้ว (หรือเจ้าฟ้าหลวงชายแก้ว) ราชบุตรของพญาสุละวะฤๅชัยสงคราม (ทิพช้าง) ต้นตระกูล ณ เชียงใหม่  ณ ลำพูน  ณ ลำปาง  และเชื้อ(เจ้า)เจ็ดตนในทุกวันนี้  ร่วมมาด้วย

       
เจ้าฟ้าชายแก้วได้หลบหนีเจ้าลิ้นก่านเจ้าเมืองลำปางเก่า  ซึ่งยกมาตีเอาเมืองลำปางคืนจากเจ้าฟ้าชายแก้ว ในปี พ.ศ. ๒๓๐๕  เจ้าฟ้าชายแก้วพ่ายเสียเมืองแก่ท้าวลิ้นก่าน  จึงหลบหนีไปสวามิภักดิ์กับพม่า  ซึ่งพม่าเห็นว่าเจ้าฟ้าชายแก้วจะได้เป็นกำลังสำคัญ  ในการปกครองแว่นแคว้นลานนาไทยได้อยู่  จึงอุปถัมภ์เลี้ยงดูเป็นอันดี  และเมื่อพม่าให้โป่ชุกยกกองทัพมาตีเชียงใหม่  เจ้าฟ้าชายแก้วก็ได้ร่วมเข้ามาในกองทัพด้วย  และเมื่อพม่าตีเมืองลำปางแตก  ก็ให้เจ้าฟ้าชายแก้วกับท้าวลิ้นก่านแข่งขันดำน้ำพิสูจน์  ว่าใครเป็นผู้มีสิทธิ์ครองเมืองลำปาง  ท้าวลิ้นก่านแพ้จึงถูกจับประหารชีวิตเสีย  แล้วพม่าก็สถาปนาให้เจ้าฟ้าชายแก้วเป็นที่ เจ้าฟ้าชายแก้ว ปกครองเมืองนครลำปาง ในปี พ.ศ. ๒๓๐๗ นั้นเอง  แต่พม่าไม่มีความไว้วางใจเจ้าฟ้าชายแก้ว  เกรงว่าจะคิดกู้อิสรภาพอีก  จึงให้ขุนนางพม่าผู้หนึ่งคุมไพร่พลคอยควบคุมเป็นการคุมเชิงไว้

     
ส่วนเมืองเชียงใหม่นั้น  โป่ชุกได้ตั้งให้โป่อภัยคามินีเป็นเจ้าเมืองคุมทหารรักษาเมืองอยู่  แม้นว่าลานนาไทยจะตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าก็ตาม  แต่ทว่าจิตใจของชาวลานนาไทยยังคงเป็นไทยอยู่เสมอ  ชนชาวลานนาไทยลางกลุ่มได้รวมกำลังกันขึ้นแข็งข้อสู้นบกับพม่าบ่อยๆ  แต่ก็ถูกพม่าปราบปรามเสียทุกครั้ง  ทั้งนี้เป็นเพราะพวกเราต่างคนต่างแบ่งกันเป็นพวกเป็นเหล่าไม่มีความสามัคคีกัน  ทั้งๆที่ทุกพวกมีจุดหมายอย่างเดียวกันคือ  กู้ชาติบ้านเมืองให้พ้นจากแอกการปกครองของพม่า  แต่ก็หาพยายามรวมกำลังส่วนใหญ่ให้เป็นกลุ่มก้อนไม่  ซึ่งเพราะกำลังกระจัดกระจายกันอยู่นี้เอง  ทำให้พม่าปราบเสียจนชาวลานนาไทยไม่กล้าลุกฮือขึ้นอีก  และนับแต่นั้นมาพวกพม่าก็กดขี่ข่มเหงบังคับพวกราษฎรชาวลานนาไทยหนักขึ้น  เพื่อให้ชาวลานนาไทยเกรงกลัว  โดยหาคิดไม่ว่าการกระทำเช่นนั้น  ทำให้ชาวลานนาไทยพากันเคียดแค้นชิงชังพวกพม่าเป็นอันมาก  ซึ่งต่างก็พากันจะคิดบัญชีแก้ลำพม่า  และมีชาวลานนาไทยผู้รักชาติลางกลุ่มคุมสมัครพรรคพวกเป็นกองโจรทำการรังควานพม่าอยู่เสมอ

       
ครั้นลุถึงปี พ.ศ. ๒๓๐๘  เจ้าเมืองไชยเจ้าเมืองลำพูนซึ่งมีความเจ็บแค้นพวกพม่า  ที่กดขี่ข่มเหงราษฎรชาวลานนาไทย  ให้ได้รับความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้านั้น  จนสุดที่จะอดรนทนดูอีกต่อไปได้  จึงคิดอ่านหาหนทางที่จะกู้อิสรภาพจากพม่า  เจ้าเมืองไชยจึงส้องสุมผู้คนไพร่พลแลแสบียงอาหารไว้  จนเห็นว่ามีกำลังเข้มแข็งพอที่จะสู้กับพวกพม่าแล้ว  เจ้าเมืองไชยก็ประกาศตนเป็นศัตรูอันเปิดเผยต่อพม่าทันที  ด้วยการแข็งเมืองไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจของพม่าอีกต่อไป  และจับพม่าที่กดขี่ข่มเหงราษฎรชาวลานนาไทยฆ่าตายเสียเป็นอันมาก  เมื่อกวาดพวกพม่าในเมืองลำพูนเสร็จสิ้นแล้ว  เจ้าเมืองไชยก็แยกไพร่พลออกจากเมืองลำพูนมุ่งจะกวาดล้างพม่าที่อยู่รักษาเมืองเชียงใหม่  โดยมีโป่อภัยคามิณีเป็นหัวหน้า

       
โป่อภัยคามิณีเป็นผู้ที่ตั้งอยู่ในความประมาท  คิดว่าชาวลานนาไทยคงไม่กล้าที่จะกำแหงหาญลุกฮือขึ้นต่อสู้กับพม่าอีก  ก็มัวนอนซดสุราและกกนารีรุ่นกระเตาะอยู่ในคุ้ม  กองทัพเมืองลำพูนซึ่งเคลื่อนพลมากลางดึก  ก็ยกเข้าตีเมืองเชียงใหม่ในคืนนั้น  พวกพม่าไม่ทันรู้ตัวก็ถูกชาวลำพูนฆ่าตายเป็นอันมาก  ที่เหลือตายก็รบยันไว้  แต่พวกพม่านั้นจะว่ากล้าหาญนักก็ไม่เชิง  ด้วยประดาบกับนักรบชาวลำพูนไม่กี่เพลงยังไม่ทันรุ่งเช้าก็เปิดหนีหมด  โป่อภัยคามิณีหัวหน้ารีบเผ่นขึ้นหลังม้าหนีไปอย่างหวุดหวิด  กองทัพเมืองลำพูนก็ยึดเมืองเชียงใหม่ได้ในคืนนั้นเอง

       
เจ้าเมืองไชยจึงขึ้นครองเมือง  ซึ่งขณะนั้นมีสภาพร่วงโรยจนแทบจะกลายเป็นเมืองร้างไปแล้ว  เพราะเกิดสู้รบกันกลางเมืองบ่อยๆ  พวกราษฎรไม่กล้าอยู่อาศัย  จึงอพยพครอบครัวไปอยู่ตามป่าดงเป็นซ่องโจรอยู่เป็นก๊ก  ซึ่งเป็นผลร้ายในการบั่นทอนกำลังของตนเอง  ฉะนั้นแม้ว่าเจ้าเมืองไชยจะทำการขับไล่พวกพม่าออกไปได้  แต่ทว่าเจ้าเมืองไชยก็หาสามารถรวบรวมกำลังเป็นปึกแผ่นได้ไม่  เพราะบ้านเมืองกำลังตกอยู่ในภาวะที่ไม่เป็นปกติสุข  แต่เจ้าเมืองไชยก็คงคุมทหารรักษาเมืองเชียงใหม่ไว้อย่างเข้มแข็ง  ทั้งๆที่เจ้าเมืองไชยเองก็คิดว่าอย่างไรเสียพวกพม่าคงจะมาตีเอาเมืองเชียงใหม่คืน  จึงให้พวกไพร่พลฝึกปรือวิชาเพลงอาวุธไว้เสมอมิได้ขาด

       
ขณะนั้น  ทางพม่าซึ่งกำลังคอยจ้องตะครุบเมืองไทยอยู่นั้น  เห็นว่ากรุงศรีอยุธยาอ่อนกำลังลงมากแล้ว  เพราะกษัตริย์อ่อนแอ  หาได้เอาใจใส่ราชการงานเมืองไม่  ปล่อยให้พวกอำมาตย์และขุนนางทุจริตคนโกงกอบโกยเอาผลประโยชน์เข้ากระเป๋า  ขุนนางคนดีๆถูกกำจักเสียมิใช่น้อย  และที่ไม่สามารถทนดูภาวะที่แสนจะทนทานได้นั้น  ก็หลีกเลี่ยงเอาตัวรอกไปเสีย  บ้านเมืองจึงยุ่งอีหลุกขลุกเขลก  พวกพม่าซึ่งคอยจ้องตะครุบเมืองไทยอยู่แล้ว  เห็นทีได้โอกาสก็เตรียมรี้พลจะบุกกรุงศรีอยุธยาให้ราบเป็นหน้ากอง  ซึ่งในปี พ.ศ. ๒๓๑๐ กรุงศรีอยุธยาก็เสียทีสิ้นอิสรภาพ  บ้านแตกสาแหรกขาดยับเยินไปตามๆกัน  หากไม่มีพระเจ้าตากสินกูอิสรภาพไว้ก็เห็นจะอับอายขายหน้าพม่าไม่น้อยเลยทีเดียว

       
ฝ่ายทางแคว้นลานนาไทยนั้นเล่า  เจ้าเมืองไชยยอดนักสู้ชาวลำพูน  ซึ่งครองเมืองเชียงใหม่อยู่นั้น  อาสน์บัลลังก์เจ้าเมืองก็ร้อนเป็นไฟ  เพราะพม่าให้อะแซหวุ่นกี้แม่ทัพผู้เฒ่า ผู้เจนศึกเกณฑ์ไพร่พลมาเป็นอันมาก  ราวจะเหยียบผืนธรณีลานนาไทยให้ถล่มทลายไปฉะนั้น  ก็เพื่อกวาดล้างกำลังของพวกเจ้าเมืองเก่าๆ  ซึ่งเป็นเสี้ยนหนามของพม่าให้หมดสิ้นไปจริงๆ  เพราะเมื่อพม่าตีได้เมืองใดก็ให้พม่าคุมพลครองเมืองอยู่  คอยทำการกวาดล้างชาวลานนาผู้ที่ไม่ยอมสวามิภักดิ์ด้วย  ในครั้งนี้ชาวลานนาไทยถูกพวกพม่าฆ่าตายเสียมิใช่น้อย  อะแซหวุ่นกี้ยกกองทัพตะลุยแคว้นลานนาไทยอย่างดุเดือด  และที่สุดก็ยกเข้าล้อมนครเวียงพิงค์ไว้  เจ้าเมืองไชยมนุษย์ใจสิงห์ชาวลำพูนคุมทหารต่อสู้อย่างทรหด  การสู้รบระหว่างเจ้าเมืองไชยกับกองทัพพม่าเป็นไปอย่างดุเดือดยิ่ง  กองทัพชาวลำพูนน้อยตัวกว่า  ที่สุกก็ถูกพวกพม่าฆ่าฟันล้มตายลงเกือบหมดสิ้น  ที่เหลือตายก็ถูกพม่าจับเป็นเชลย

       
ส่วนเจ้าเมืองไชยผู้เป็นหัวหน้านั้น  ไม่ยอมเป็นเชลย  เขาจึงถูกพม่าประหารเสีย  และนับแต่นั้นมาเชียงใหม่ ลำพูน ลำปางก็ตกอยู่ในอำนาจของพม่าโดยสิ้นเชิง  จวบจนกระทั่ง พ.ศ. ๒๓๑๗  เจ้ากาวิละและน้องทั้งหก  กับพระยาจ่าบ้านจึงร่วมกันกู้อิสรภาพ  และเข้าร่วมกับไทยกลางมาจนทุกวันนี้

       
เขาตายแล้ว...เจ้าเมืองไชย  เขาตายอย่างลูกผู้ชายชาติทหารที่รักเกียรติศักดิ์ของตนเอง  ยอมเอาเลือดทาแผ่นดิน  ดีกว่าที่จะยอมอยู่ใต้อำนาจของศัตรู  และแม้ว่าเขาจะสิ้นชีวิตไปแล้วกว่า ๒๐๖ ปีก็ตาม  แต่เกียรติประวัติอันเป็นวีรกรรมของเขานี้  คงทำให้ชาวล้านนาทุกคนระลึกถึงเขาเสมอว่า  เขา...เจ้าเมืองไชยยอดนักสู้ชาวลำพูนผู้นี้  เป็นจอมอัศวินใจสิงห์แห่งยุคผู้หนึ่งในอดีตกาลของล้านนา


..................................................................................................................................................................................

หมายเหตุ - หนังสือพงศาวดารเมืองน่าน ฉบับของ แสนหลวงราชสมภาร  ว่าเจ้าเมืองไชย เจ้าเมืองลำพูนหนีออกไปอยู่เมืองฮ่อจนสิ้นชีวิต  ไม่ได้ตายในที่รบตามตำนานโยนก


ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.bloggang.com(คัดจาก "คนดีเมืองเหนือ" สงวน โชติสุขรัตน์) 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น